ยกกระชับหน้าอก

     เป็นการศัลยกรรมหน้าอกเพื่อยกกระชับหรือลดขนาดส่วนเกินบริเวณหน้าอกพร้อมกับการเย็บกระชับกล้ามเนื้อชั้นใน ที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างขนาด หรือการหย่อนคล้อยของหน้าอก ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอด เหมาะกับคนที่ผิวหนังบริเวณหน้าอกขาดความยืดหยุ่น หน้าอกมีรูปร่างแบน และคล้อย ผู้ที่น้ำหนักตัวลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นหรือผู้ที่ให้นมบุตรแล้วรูปทรงหน้าอกเกิดความหย่อนคล้อย สังเกตได้จากลักษณะของหัวนมและวงปานนมชี้ลงด้านล่าง เนินด้านบนของทรวงอกหายไป หรือในบางคนผิวหนังยืดมีรอยแตกและวงปานนมขยายวงใหญ่ขึ้น การยกกระชับหน้าอกหรือการลดขนาดหน้าอก จึงเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยทำให้หน้าอกกลับมาคืนทรงสวยดูธรรมชาติ และทำให้ผิวหนังบริเวณหน้าอกตึงกระชับขึ้น และช่วยให้สัดส่วนของหน้าอกสมส่วนมากยิ่งขึ้น

ระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอก
     ระดับปกติ หัวนมจะอยู่เหนือเส้นใต้ราวนมและชี้ตรงไปข้างหน้า

     ระดับที่1 หัวนมอยู่เสมอกับเส้นใต้ราวนม ปานนมชี้ลงเล็กน้อย

     ระดับที่2 หัวนมจะคล้อยต่ำกว่าเส้นใต้ราวนมเล็กน้อย ปานนมชี้ลงกว่าปกติจนสังเกตเห็นได้

     ระดับที่3 หัวนมจะคล้อยต่ำกว่าเส้นใต้ราวนมไปมากกว่า 3 เซนติเมตรปานนมชี้ลงชัดเจนจะเป็นระดับที่รุนแรงมากที่สุด

เทคนิคการผ่าตัดมีดังนี้
     1.เทคนิครูปเสี้ยวพระจันทร์ (Crescent) เหมาะกับกรณีที่หน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อย เทคนิคนี้จะแทบไม่เห็นรอยแผลเพราะ รอยแผลจะซ่อนอยู่ในปานนม โดยศัลยแพทย์จะตัดขอบของปานนมเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์และยกตำแหน่งของปานนมขึ้นเล็กน้อย ซึ่งวิธีนี้จะสามารถขยับปานนมขึ้นได้ประมาณ 2-3 เซนติเมตร และระดับหัวนมก็จะขยับขึ้นได้ประมาณ 1-2 เซนติเมตรเช่นกัน

     2.เทคนิคโดนัท (Donut) เหมาะกับผู้ที่ มีลักษณะหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เทคนิคนี้แทบจะมองไม่เห็นรอยแผลเพราะเป็นการซ่อนแผลไว้รอบปานนม ซึ่งศัลยแพทย์จะทำการตัดผิวหนังโดยรอบปานนมเป็นรูปโดนัทและเย็บเข้าหาปานนม โดยหลังทำในช่วงแรกบริเวณรอบปานนมจะมีผิวหนัง เป็นจีบ อยู่ประมาณ 2-3เดือนหลังจากนั้น จะค่อยๆดีขึ้น

     3.เทคนิคแผลแนวตั้ง (Lollipop) เหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยมาก ในการผ่าตัด จึงจำเป็นจะต้องยกตำแหน่งของหัวนมให้สูงขึ้น โดยศัลยแพทย์จะตัดผิวหนังส่วนเกินออกมา ในการทำเทคนิคนี้จะสามารถย้ายตำแหน่งปานนมได้และผิวหนังด้านนอกและด้านในจะถูกขยับมาอยู่ตรงกลาง ทำให้เนินหน้าอก ดูเต่งตึงสวยงาม และเห็นแผลแค่เล็กน้อย ซึ่งแผลจะเป็นลักษณะเส้นตรงยาวมาถึงขอบใต้ราวนม

     4.รูปสมอเรือหรือรูปตัว T กลับหัว (Anchor) เทคนิคนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยมาก โดยลักษณะของแผลจะอยู่บริเวณรอบปานนม ร่วมกับแผลที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงยาวลงมาถึงขอบใต้ราวนม และมีแผลเป็นเส้นยาวที่เส้นขอบราวนมด้วย การผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้จะช่วย ขยับ ปานนม และตกแต่งผิวหนังของเต้านมได้ดีที่สุด เนื่องจากระดับของหน้าอกอยู่ต่ำกว่าระดับของใต้ราวนมค่อนข้างมากจึงจำเป็นต้องเลื่อนปานนมขึ้นและตัดเนื้อเต้านมส่วนเกินออกซึ่งเป็นการลดขนาดของหน้าอกร่วมกับการยกกระชับไปในตัว โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำร่วมกับการเสริมหน้าอกเพื่อให้รูปร่างของหน้าอกกลับมาสวยงามได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น

การประเมินก่อนการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก
     1.ขนาดและรูปทรงของหน้าอก

     2.ขนาดและตำแหน่งของปานนม

     3.ระดับของความหย่อนคล้อยของหน้าอก

     4.สภาพของผิวหนังและความยืดหยุ่นของผิว รวมทั้งปริมาณของผิวหนังส่วนเกินในบริเวณหน้าอก

สาเหตุของการเกิดหน้าอกหย่อนคล้อย

  • ผู้ที่มีน้ำหนักมากหรือมีภาวะโรคอ้วนทำให้หน้าอก ขยายใหญ่ขึ้น จึงทำให้น้ำหนักของหน้าอกมากขึ้นและเกิดภาวะหย่อนคล้อยตามมา
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ และให้นมบุตรเนื่องจากในขณะตั้งครรภ์ร่างกายจะมีการสร้างต่อมน้ำนม ทำให้หน้าอก มีการขยายใหญ่ขึ้นโดยหลังจากคลอด หรือหยุดให้นมบุตรต่อมน้ำนมจะฝ่อลงทำให้ขนาดของหน้าอกลดลง และเกิดภาวะหย่อนคล้อยได้
  • ผู้ที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ผิวหนัง บริเวณหน้าอกขาดความยืดหยุ่นจึงหย่อนคล้อย
  • อายุที่มากขึ้นทำให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และผิวหนังลดลง
  • กรรมพันธ์ุก็มีผลทำให้หน้าอกที่ใหญ่หย่อนคล้อย ได้ง่ายกว่าคนที่มีหน้าอกเล็ก
  • ผู้ที่มีกิจกรรมผาดโผน และไม่ได้มีการใส่เสื้อซัพพอร์ตหน้าอกกสามารถ ทำให้ เกิดภาวะหย่อนคล้อยได้

     สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องรอยแผลเป็นจากการยกกระชับหรือลดขนาดหน้าอกสามารถ ดูแลแผล ด้วยการใช้เจลรักษารอยแผลเป็นในช่วงแรก และหลังจากนั้นแนะนำให้ใช้เป็นเลเซอร์ลบรอยแดง หรือเลเซอร์ลดรอยดำเพื่อทำให้รอยแผลเป็นนั้นจางลงให้มากที่สุด ซึ่งรอยแผลจะค่อยๆจางลงตามระยะเวลาเรื่อยๆ อย่างไรแล้วในการทำผ่าตัดศัลยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน ตามระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอก สภาพผิวหนังและการยืดหยุ่นของผิวหรือรูปทรงของหน้าอกเพื่อให้ได้เหมาะสมมากที่สุด

การดูแลหลังยกกระชับหรือลดขนาดหน้าอก
     1.ในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด อาจมีความรู้สึกแน่นตึง ซึ่งจะดีขึ้นใน 2 สัปดาห์

     2.แนะนำให้นอนหมอนสูงในช่วงหนึ่งสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด และในช่วง 3 เดือนแรกแนะนำให้นอนหงายห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำเพราะอาจทำให้ หน้าอกผิดรูปทรงได้

     3.งดออกกำลังกายในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด

     4.หลีกเลี่ยงการนวดเค้นบริเวณหน้าอกอย่างรุนแรง เพื่อลดอาการอักเสบหรือภาวะเลือดออกภายในได้ การกดหรือนวดบริเวณเต้านมหรือไม่จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ในแต่ละท่าน

     5.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะอาจทำให้คันบริเวณแผลได้ และอาหารที่มีรสเค็มจัดหรือโซเดียมสูง เพราะอาจทำให้บวมบริเวณแผลที่ผ่าตัดได้

     6.รับประทานยาตามที่ศัลยแพทย์สั่งให้ครบ

     7.งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด

    8.หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำในช่วง 7-14 วันหรือจนกว่าจะตัดไหม แนะนำให้เช็ดตัวหรืออาบน้ำแค่บริเวณช่วงล่างลำตัว

     9.หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือยกแขนสูงในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้แผลหายช้าลงและมีโอกาสที่แผลจะฉีกหรืออักเสบได้

     10.ควรสวมเสื้อชั้นในแบบ Support Bra ในช่วง 1 เดือนแรก จากนั้นเปลี่ยนมาใส่ Sport Bra หรือเสื้อชั้นในแบบไม่มีโครง อีกประมาณ 2 เดือน จึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อชั้นในแบบปกติได้

Scroll to Top