ดูดไขมัน หน้า

ดูดไขมัน หน้า

FACIAL VASER LIPOSUCTION

เท่าไหร่ถึงจะอ้วนเกินไป

ในปัจจุบันปัญหาโรคอ้วนนั้นเป็นที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนและปัจจัยโดยรอบทำให้การดำรงค์ชีวิตของเราเปลี่ยนไป โรคอ้วนจึงสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกับทุกคน

ในการหาค่า BMI (Body Mass Index) นั้นจะเป็นตัวที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งจะสามารถทำให้ระบุรูปร่างตั้งแต่อ้วนมากจนถึงผอมเกินไปได้ การคำนวนค่า BMI นั้นมีสูตรคำนวณ = น้ำหนักตัว[Kg] / (ส่วนสูง[m] ยกกำลังสอง) โดยสูตรคำนวณจะเหมาะสำหรับใช้ประเมิณผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งการคำนวนค่า BMI จะแตกต่างกันไปในแต่ละเชื้อชาติ ค่าเฉลี่ยของหญิงไทยคือ 24.4 และของชายไทยคือ 23.1 โดยประโยชน์ของการวัดค่า BMI จะเป็นการวัดเพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วนในการทำศัลยกรรมดูดไขมัน โดยจะจำแนกค่า BMI ดังนี้

อ้วน : 30.0 ขึ้นไป ค่อนข้างสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคที่แฝงมากับความอ้วน  ซึ่งถ้าค่า BMI อยู่ในระดับนี้จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และเริ่มออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก BMI สูงกว่า 40 ขึ้นไปแนะนำให้ไปตรวจสุขภาพและรักษาโรคอ้วน

เริ่มอ้วน : 25-29.90 หากอยู่ในระดับนี้ ถือว่าอ้วนในระดับหนึ่งถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เป็นสาเหตุมาจากความอ้วนได้ เช่นโรคเบาหวาน และความดันสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และออกกำลังกาย

ปกติ : 18.6-24 ถือว่าน้ำหนักปกติ เป็นค่าที่เหมาะสม 18.6-24 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆน้อยที่สุด ควรรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ และควรตรวจสุขภาพทุกปี

ผอม : น้อยกว่า 18.5 นั้นถือว่าน้อยเกินไปไม่ค่อยดี เสี่ยงต่อการที่ร่างกายได้รับสารอาหารพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย แนะนำให้รับประทานอาหารให้เพียงพอและออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อจะช่วยเพิ่มค่า BMI ให้ดีขึ้นได้

นอกจากการคำนวณ BMI แล้วจะต้องคำนวณ Body Fat% ร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นการบอกอัตราส่วนระหว่างน้ำหนักไขมันในร่างกายต่อน้ำหนักรวมของร่างกาย โดยการวัดปริมาณจะต้องใช้เครื่องชั่งที่สามารถวัดองค์ประกอบร่างกายจากความต้านทานไฟฟ้าที่บอกปริมาณไขมันในร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่าร่างกายมีไขมันเท่าไหร่ด้วยเครื่อง Inbody โดยสัดส่วนจะแบ่งไปดังนี้

ชาย 30% หญิง 40% มีปริมาณไขมันที่มากในระดับวิกฤต เห็นเซลลูไลท์บนผิวหนังได้ชัดเจน ไขมันจะกระจายอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย

ชาย 21-30% หญิง 31-40% มีปริมาณไขมันส่วนเกินในร่างกาย ซึ่งชั้นไขมันจะหุ้มกล้ามเนื้ออยู่ค่อนข้างหนา

ชาย 13-20% หญิง 23-30% ปริมาณไขมันไม่มากไป สัดส่วนของร่างกายชัดเจน แต่ยังไม่เห็นกล้ามเนื้อมากนัก

ชาย 9-12% หญิง 19-22% ปริมาณไขมันน้อย รูปร่างกระชับเห็นกล้ามเนื้อชัดเจนขึ้น

ชาย 5-8% หญิง 15-18% ปริมาณไขมันน้อยมาก เห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจน

ชายน้อยกว่า 5% หญิงน้อยกว่า 15% ปริมาณไขมันน้อยจนเรียกได้ว่าวิกฤต จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ในระยะยาว

ค่า BMI ช่วง 23-29 คือช่วง BMI ที่เหมาะกับการดูดไขมัน หาก BMI เกิน 30 ขึ้นไปแนะนำเรื่องการลดน้ำหนักก่อน จนกว่าจะได้ค่าที่เหมาะสมจึงสามารถดูดไขมันได้
โดยตำแหน่งที่เป็นส่วนเกิน สามารถดูดไขมันเฉพาะจุดหรือดูดไขมันทั้งตัวได้ และยังสามารถนำไขมันมาเติมเต็มในจุดที่ขาดได้อีกด้วย

ดูดไขมัน ด้วยเครื่อง vaser smooth 2.2

ในปัจจุบันเทรนด์ในการดูแลรูปร่างและสัดส่วนจะเป็นที่นิยมมาก รวมไปถึงปัญหาไขมันส่วนเกินตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้หลายคนเริ่มมองหาทางลัดในการกำจัดไขมันอย่างเร่งด่วนและสำหรับบางคนที่ออกกำลังกายดูแลรูปร่างแต่ก็ยังมีไขมันจุดที่ลดได้ยากจากการออกกำลังกาย เช่น หน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา แขน เหนียง หรือบริเวณใต้ก้น เนื่องจากมีการสะสมของไขมันที่กำจัดได้ยาก และเมื่อออกกำลังกายจะค่อนข้างลดยากหรือใช้เวลานานแม้ว่าจะคุมอาหารแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้น “การดูดไขมัน” จึงเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างตรงจุดที่สุดและปลอดภัยผ่าน USFDA และผ่านอย. ในการดูดไขมัน คือการฉีดสารละลายเข้าไปในไขมันชั้นนอกซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยไม่มีอันตราย และทำให้ไขมันแตกตัวเป็นของเหลวด้วยคลื่นวิทยุ(RF) หรือคลื่นเสียง(Ultrasound) จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการดูดไขมันออกมาด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 ซึ่งเป็นเครื่องที่เป็นนวัตกรรมของการกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยคลื่น Ultrasound ที่เป็นที่นิยมในการใช้ดูดไขมัน เพราะได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ดูดไขมันออกมาได้ดีพร้อมทั้งทำให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อยกลับมากระชับขึ้นได้อีกด้วย ด้วยเทคโนโลยีของเครื่อง Vaser Smoothe 2.2 นี้ทำให้ในการทำใช้ระยะเวลาไม่นาน แผลเล็กมาก ไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบๆทำให้ใช้เวลาพักฟื้นหลังทำน้อย ลดโอกาสในการเกิดปัญหาผิวเป็นคลื่นหรือผิวส้มและยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถปรับตั้งค่าในการเก็บไขมันและเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมัน เพื่อนำเซลล์ไขมันไปฉีดเติม (Fat Transfer) บริเวณที่ต้องการได้อีกด้วย

ผู้ที่เหมาะสมในการดูดไขมัน

ดูดไขมันหน้า

การดูดไขมันหน้า(Facial Vaser Liposuction) คือการดูดได้ทั้งบริเวณกรอบหน้าและเหนียง เป็นบริเวณมีไขมันสะสมที่กำจัดได้ยากเพราะการมีไขมันสะสมบริเวณใบหน้านั้นจะทำให้ดูโทรมและแก่กว่าวัย โดยที่แต่ละบุคคลจะพบปัญหามากน้อยไม่เท่ากัน ซึ่งการดูดไขมันหน้าจะช่วยในเรื่องของการปรับรูปหน้าให้หน้าดูเล็กลง หน้าเรียวขึ้น กรอบหน้าชัด และเห็นคางได้ชัดมากยิ่งขึ้น ทำให้รูปหน้าโดยรวมดีขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

การดูดไขมันหน้านั้นเป็นบริเวณที่บอบบาง และ Sensitive การทำดูดไขมันบริเวณใบหน้านั้น จึงจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่อง Vaser Smooth ที่มีความปลอดภัยสูง หลังทำเกิดความบวมช้ำน้อยที่สุด และเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุด และการใช้ Vaser smooth จะทำไม่ให้ผิวเป็นคลื่น และเนื้อเยื่อโดยรอบไม่เสียหายหลังจากการดูดไขมันหน้าด้วย

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน

รีวิวผลลัพธ์จากการทำ ดูดไขมันหน้า

บริษัท กองจู คลินิก จำกัด 213/1-2 ชั้น 1 อาคาร เอส.เค.ดี.มั่นคงกรุ๊ฟถ.รัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพ 10400

Subscribe Now

Don’t miss our future updates! Get Subscribed Today!

©2019. Elements Kit. All Rights Reserved.

บริษัท กองจู คลินิก จำกัด 213/1-2 ชั้น 1 อาคาร เอส.เค.ดี.มั่นคงกรุ๊ฟถ.รัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพ 10400

ติดต่อเรา

©2022. Kongjuclinic . All Rights Reserved.