ศัลยกรรมลดขนาดหน้าอก

ลดขนาดหน้าอก
     ลดขนาดหน้าอก (Breast Reduction)
สำหรับบางคนแล้วการมีหน้าอกใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป เพราะสำหรับบางคนแล้วการมีหน้าอกใหญ่ก่อให้เกิดอาการต่างๆได้เช่น อาการปวดคอ ปวดหลัง และปวดไหล่ หรือทำให้บางคนอาจจะหลังค่อมโดยไม่รู้ตัว ทำให้เสียบุคลิกภาพเป็นอย่างมาก และยังก่อให้เกิดความไม่มั่นใจตามมาได้ ดังนั้นการทำศัลยกรรมลดขนาดหน้าอกจึงสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

ผู้ที่เหมาะกับการเข้ารับการศัลยกรรมลดขนาดหน้าอก
     1.ผู้ที่มีขนาดหน้าอกใหญ่จากกรรมพันธุ์ จะมีลักษณะเป็นเต้านมล้วนๆ ผิวหนังไม่หย่อนยานมาก

     2.ผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยขนาดที่ใหญ่เกินไป ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อย ต้องการแก้ไขให้ขนาดหน้าอกมีขนาดเล็กลง

     3.ผู้ที่ผ่านการมีบุตรมาแล้ว และผู้สูงอายุที่มีเนื้อเต้านมเหลวหย่อนยาน และไม่เต่งตึง สามารถแก้ไขได้ด้วยการยกกระชับหน้าอก

เทคนิคในการลดขนาดหน้าอก
     1.เทคนิคโดนัท (Donut) เทคนิคนี้แทบจะมองไม่เห็นรอยแผลเพราะเป็นการซ่อนแผลไว้รอบปานนม ซึ่งศัลยแพทย์จะทำการตัดผิวหนังโดยรอบปานนมเป็นรูปโดนัทและเย็บเข้าหาปานนม โดยหลังทำในช่วงแรกบริเวณรอบปานนมจะมีผิวหนัง เป็นจีบ อยู่ประมาณ 2-3เดือนหลังจากนั้น จะค่อยๆดีขึ้น แต่เต้านมจะมีลักษณะเป็นรูปทรงมะเขือเทศ เพราะจะทำให้มีรอยบุ๋มตรงกลาง ในบางเคสอาจมีการทำเทคนิคนี้ร่วมกับการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเพื่อให้ดูเต็มไม่เป็นทรงบุ๋มเหมือนมะเขือเทศ

     2.เทคนิครูปสมอเรือหรือรูปตัว T กลับหัว (Anchor) เทคนิคนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยมาก โดยลักษณะของแผลจะอยู่บริเวณรอบปานนม ร่วมกับแผลที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงยาวลงมาถึงขอบใต้ราวนม และมีแผลเป็นเส้นยาวที่เส้นขอบราวนมด้วย การผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้จะช่วย ขยับ ปานนม และตกแต่งผิวหนังของเต้านมได้ดีที่สุด เนื่องจากระดับของหน้าอกอยู่ต่ำกว่าระดับของใต้ราวนมค่อนข้างมากจึงจำเป็นต้องเลื่อนปานนมขึ้นและตัดเนื้อเต้านมส่วนเกินออกซึ่งเป็นการลดขนาดของหน้าอกร่วมกับการยกกระชับไปในตัว โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำร่วมกับการเสริมหน้าอกเพื่อให้รูปร่างของหน้าอกกลับมาสวยงามได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น

     3.เทคนิคผ่าตัดที่มีแผลแนวนอน(Non-Vertical Scar) สำหรับคนที่ไม่อยากมมีแผลแนวตั้ง สามารถลดขนาดหน้าอกด้วยแผลแนวนอนได้ แต่แผลแนวนอนจะค่อนไปด้านของเต้านมทำให้แผลจะค่อนข้างยาวมาก

     4.เทคนิคย้ายหัวนม (Nipple Graft) คือการย้ายหัวนมและปานนมมายังตำแหน่งใหม่ เทคนิคนี้จะใช้กับเคสที่เต้านมมีลักษณะใหญ่และคล้อยมาก ทำให้ต้องตัดเต้านมเกือบทั้งหมดและย้ายเต้านมมายังตำแหน่งใหม่

     5.เทคนิคแผลแนวตั้ง (Lollipop) เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากมีแผลแนวนอน ในการผ่าตัด จึงจำเป็นจะต้องยกตำแหน่งของหัวนมให้สูงขึ้น โดยศัลยแพทย์จะตัดผิวหนังส่วนเกินออกมา ในการทำเทคนิคนี้จะสามารถย้ายตำแหน่งปานนมได้และผิวหนังด้านนอกและด้านในจะถูกขยับมาอยู่ตรงกลาง ทำให้เนินหน้าอก ดูเต่งตึงสวยงาม และเห็นแผลแค่เล็กน้อย ซึ่งแผลจะเป็นลักษณะเส้นตรงยาวมาถึงขอบใต้ราวนม โดยเทคนิคนี้จะทำให้ีรอยจีบใต้ราวนมประมาณ 2-3 สัปดาห์

     6.เทคนิคดูดไขมัน(Liposuction) เทคนิคนี้เหมาะกับคนอายุน้อยหรือวัยรุ่นที่มีขนาดเต้านมใหญ่กว่าปกติและผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นได้ดี มีแผลเล็กมาก จะเห็นผลดีกับคนที่อายุน้อยและผิวหนังยังไม่ยืดมาก

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • อาการบวมช้ำ
  • เจ็บแผล
  • หน้าอกสองข้างไม่เท่ากันจากอาการบวม
  • หากมีอาการแสบ แดง ร้อนที่เต้านม แล้วมีอาการเหมือนจะเป็นไข้ให้ไปพบแพทย์ทันที
  • มีเลือดซึมหลังผ่าตัด
  • แผลหายช้า
  • อาการชาที่เต้านม หรือมีความรู้สึกน้อยลง
  • มีโอกาสหน้าอกแข็งได้จากแผลยกกระชับหน้าอก
  • แผลเป็น

การดูแลหลังศัลยกรรมลดขนาดหน้าอก

     1. ในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด อาจมีความรู้สึกแน่นตึง ซึ่งจะดีขึ้นใน 2 สัปดาห์

     2.ในกรณีที่ทำการยกกระชับหน้าอกหรือลดขนาดหน้าอก หลังทำในช่วงแรกบริเวณรอบปานนมจะมีผิวหนัง เป็นจีบ อยู่ประมาณ 2-3เดือนหลังจากนั้น จะค่อยๆดีขึ้น

     3.แนะนำให้นอนหมอนสูงในช่วงหนึ่งสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด และในช่วง 3 เดือนแรกแนะนำให้นอนหงายห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำเพราะอาจทำให้ หน้าอกผิดรูปทรงได้

     4.งดออกกำลังกายในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด

     5.หลีกเลี่ยงการนวดเค้นบริเวณหน้าอกอย่างรุนแรง เพื่อลดอาการอักเสบหรือภาวะเลือดออกภายในได้ การกดหรือนวดบริเวณเต้านมหรือไม่จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ในแต่ละท่าน

     6.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะอาจทำให้คันบริเวณแผลได้ และอาหารที่มีรสเค็มจัดหรือโซเดียมสูง เพราะอาจทำให้บวมบริเวณแผลที่ผ่าตัดได้

     7.รับประทานยาตามที่ศัลยแพทย์สั่งให้ครบ

     8.งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด

     9.หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำในช่วง 7-14 วันหรือจนกว่าจะตัดไหม แนะนำให้เช็ดตัวหรืออาบน้ำแค่บริเวณช่วงล่างลำตัว

     10.หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือยกแขนสูงในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้แผลหายช้าลงและมีโอกาสที่แผลจะฉีกหรืออักเสบได้

     11.ควรสวมเสื้อชั้นในแบบ Support Bra ในช่วง 1 เดือนแรก จากนั้นเปลี่ยนมาใส่ Sport Bra หรือเสื้อชั้นในแบบไม่มีโครง อีกประมาณ 2 เดือน จึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อชั้นในแบบปกติได้

Scroll to Top