การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบปิด เป็นการเสริมจมูกแบบทั่วไป ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงของจมูกแบบถาวร สามารถทำได้ง่าย ปลอดภัยและใช้เวลาในการผ่าตัดน้อย โดยใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาน 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ในการเสริมจมูกแบบปิดนี้ ส่วนมากแล้วจะนิยมเสริมร่วมกับการใช้กระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อไขมัน หรือเนื้อเยื่อเทียมสังเคราะห์ เพื่อช่วยในการเพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อปลายจมูก ทำให้ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ปลายจมูกทะลุได้ ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกแบบปิดจะมี 2 แบบ คือ
1. ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป ซิลิโคนประเภทนี้จะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากใช้ง่าย สะดวก ราคาไม่แพง ใช้เวลาในการผ่าตัดน้อยมาก โดยแพทย์จะนำซิลิโคนจมูกสำเร็จรูปมาเหลาให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละคนก่อนใส่เข้าไปในจมูก แต่การนำมาใช้นั้นยากมากที่จะได้ทรงจมูกตามต้องการเพราะความแตกต่างของทรงจมูก หรือความยาวของจมูกแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นการใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปเพื่อจะทำออกมาให้สวยเป๊ะในครั้งเดียวนั้นยากมาก ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีเนื้อจมูกอยู่บ้างแล้ว หรือมีปัญหาไม่มาก
2. ซิลิโคนแบบเหลาเองโดยแพทย์ เทคนิคการใช้ซิลิโคนแบบเหลาเองนั้นเป็นที่นิยมในหมู่ศัลยแพทย์ตกแต่งในการเหลาขึ้นรูปซิลิโคนให้เหมาะสมและเข้ากับใบหน้าหรือทรงจมูกของแต่ละคน แต่จะใช้เวลานานกว่าซิลิโคนสำเร็จรูปเพราะต้องใช้เวลาในการเหลาขึ้นรูปให้เป็นแบบเฉพาะเข้ากับแต่ละคน ซึ่งศัลยแพทย์จะต้องมีทักษะในการทำเป็นอย่างมาก และผลลัพธ์ที่ได้ก็สวยและคุ้มค่ากว่าการใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปแน่นอน
ในการทำ Close Rhinoplasty เป็นการผ่าตัดแบบฉีดยาชา แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กและแผลจะอยู่ภายในรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้แทบจะมองไม่เห็นแผลเลย ซึ่งในการทำจะเสริมซิลิโคนตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูก ทำให้องศาของสันจมูกดีขึ้น สามารถทำร่วมกับการตะไบฮัมพ์ได้ มีข้อดีคือ ราคาถูก การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหรือลางานไม่ได้ อาการบวมช้ำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่หากมีอาการบวมหรือช้ำก็จะดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์และเข้าที่ในระยะเวลา 3 เดือน
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิดนี้เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อจมูกเยอะและมีพื้นฐานจมูกเดิมที่ดี หรือคนที่ต้องการเสริมบริเวณสันจมูกให้สูงขึ้น แต่จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะจมูกดังนี้
- จมูกคดหรือฐานจมูกเอียง
- มีเนื้อจมูกเยอะมากเกินไปจะไม่สามารถทำให้ปลายเล็กลงได้
- จมูกที่มีสันอยู่แล้วแต่ปลายจมูกงุ้ม
- จมูกสั้นมาก หรือแกนจมูกสั้นเชิดขึ้น
- เนื้อปลายจมูกใสและบางมากในกรณีเคสแก้ที่ปลายบางจะทะลุ
หากมีข้อจำกัดในการทำแบบ Close Rhinoplasty แนะนำให้ทำแบบ Open Rhinoplasty จะสามารถทำได้สวยงามและปลอดภัยอีกด้วย
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty )
คือเทคนิคศัลยกรรมที่ช่วยแก้ไขให้รูปทรงของจมูกดูสมบูรณ์ขึ้นด้วยการผ่าตัด เปิดแผลบริเวณฐานตรงปลายระหว่างรูจมูกทั้งสองข้าง เผยโครงสร้างภายในทุกส่วน สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด แก้ทรงจมูกได้หลากหลาย ปรับแต่งโครงสร้างภายในจมูกได้ดี สามารถปรับยืดให้จมูกที่สั้นยาวขึ้น สามารถปรับลดขนาดของจมูกที่ใหญ่ให้เล็กลงได้ หรือหากมีปัญหาจมูกเอียง เบี้ยวคด ก็สามารถปรับแก้แกนจมูกให้ตรงสวยได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถออกแบบองศาของจมูกให้สมส่วนเข้ากับใบหน้าได้อีกด้วย ในกรณีที่เคยเสริมจมูกมาแล้วมีปัญหา หรือเคยมีการฉีดสารแปลกปลอมใดๆมาก่อน การแก้ไขด้วยเทคนิค Open Rhinoplasty จะเหมาะเป็นอย่างมากเพราะช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถเปิดเข้าไปดูและแก้ไขความผิดปกติต่างๆได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถเสริมจมูกแบบ Close Rhinoplasty ได้ โดยสามารถใช้กระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกอ่อนซี่โครง หรือกระดูกอ่อนผนังกั้นแกนกลางจมูกมาช่วยยืดจมูก และปรับโครงสร้างแทนการใช้ซิลิโคนได้
แต่ในการผ่าตัดจะใช้เวลาค่อนข้างนาน และต้องผ่าตัดด้วยการดมยาสลบจึงทำให้พักฟื้นนานกว่าการเสริมจมูกแบบปกติ ซึ่งศัลยแพทย์ที่ทำจะต้องเป็นศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญมากๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวย เป๊ะทุกองศา เหมาะกับโครงหน้าที่สุด ข้อดีคือ
ลดโอกาสที่จมูกจะเบี้ยวได้ในอนาคต
สามารถแต่งปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อเทียม เนื้อเยื่อก้นกบ
- ลดความเสี่ยงปลายจมูกทะลุได้อย่างดีเยี่ยม
- รูจมูกทั้งสองข้างสามารถปรับให้ใกล้เคียงกันได้
- สามารถปรับรูปทรงจมูกให้สโลปได้องศาที่สวยงาม
- หากต้องการปลายหยดน้ำก็สามารถทำได้โดยไม่เสี่ยงต่อการทะลุ
- เป็นการปรับเปลี่ยนทรงแบบถาวรและเป็นธรรมชาติ
- สามารถยืดผนังกั้นจมูกให้ยาวขึ้น โด่งขึ้นและปลายพุ่งกว่าเดิม
เทคนิคของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น นั้นสามารถยืดปลายจมูกโดยไม่ใช้ซิลิโคน ด้วยการยืดปลายจมูกและแต่งปลายจมูกให้โด่งพุ่ง สโลปสวยงามและมีการรองปลายจมูกเพื่อป้องกันการทะลุ โดยวัสดุที่ใช้นั้นจะเป็นเนื้อเยื่อของคนไข้เอง โดยสามารถใช้เนื้อเยื่อบริเวณขมับ ก้นกบ ไขมันในร่างกายและกระดูกอ่อน(กระดูกอ่อนแกนกลางผนังกั้นช่องจมูก กระดูกอ่อนหลังหูและกระดูกอ่อนซี่โครง) หรือเนื้อเยื่อเทียมและกระดูกอ่อนเทียม
จุดเด่นของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
- เสริมจมูกด้วยเทคนิคพิเศษ โดยการใช้เนื้อเยื่อเทียมและกระดูกอ่อน ช่วยยืดปลายจมูกได้มากกว่าวิธีปกติ
- หลังทำสัมผัสเนียน ดูเป็นธรรมชาติ
- ปรับลดขนาดของฐานจมูกให้แคบลง
- สันจมูกเรียวสวยดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถแก้ไขจมูกได้ทุกรูปแบบ
- สามารถยืดผนังกั้นจมูกให้ยาวขึ้น โด่งขึ้นและปลายพุ่งกว่าเดิม
- ลดโอกาสจมูกทะลุ ลดโอกาสจมูกเบี้ยว เอียง เนื่องจากซิลิโคน
การเสริมจมูก (Semi Open )
คือการเสริมจมูก ด้วยการเปิดแผลทั้ง 2 ด้านในของรูจมูกซ้ายและขวา ซึ่งต่างจากแบบ Close Rhinoplasty ที่จะเปิดแผลแค่ด้านใดด้านหนึ่งของรูจมูก หรือแบบ Open Rhinoplasty ที่มีการกรีดเปิดแผลที่บริเวณด้านหน้าของจมูกซึ่งในบางคนนั้นเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นนูนได้ ดั้งนั้นการเสริมจมูกด้วยเทคนิค Semi Open นั้นจึงเป็นที่นิยมสำหรับรายที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าและลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นนูนได้ เทคนิคการเสริมจมูกแบบ Semi Open นั้นจะเป็นการเสริมด้วยซิลิโคนบริเวณสันจมูกยาวจรดปลายจมูก และนิยมทำร่วมกับการเย็บอินเตอร์โดม รองปลายด้วยเนื้อเยื่อเทียม หรือกระดูกอ่อนหลังหู เพื่อให้ปลายจมูกออกมาพุ่ง สวยงามมากยิ่งขึ้น และยังปลอดภัยอีกด้วย ข้อดีของการเสริมจมูกด้วยวิธี Semi Open
การเสริมจมูก (Semi Open )
คือการเสริมจมูก ด้วยการเปิดแผลทั้ง 2 ด้านในของรูจมูกซ้ายและขวา ซึ่งต่างจากแบบ Close Rhinoplasty ที่จะเปิดแผลแค่ด้านใดด้านหนึ่งของรูจมูก หรือแบบ Open Rhinoplasty ที่มีการกรีดเปิดแผลที่บริเวณด้านหน้าของจมูกซึ่งในบางคนนั้นเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นนูนได้ ดั้งนั้นการเสริมจมูกด้วยเทคนิค Semi Open นั้นจึงเป็นที่นิยมสำหรับรายที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าและลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นนูนได้ เทคนิคการเสริมจมูกแบบ Semi Open นั้นจะเป็นการเสริมด้วยซิลิโคนบริเวณสันจมูกยาวจรดปลายจมูก และนิยมทำร่วมกับการเย็บอินเตอร์โดม รองปลายด้วยเนื้อเยื่อเทียม หรือกระดูกอ่อนหลังหู เพื่อให้ปลายจมูกออกมาพุ่ง สวยงามมากยิ่งขึ้น และยังปลอดภัยอีกด้วย ข้อดีของการเสริมจมูกด้วยวิธี Semi Open
- ช่วยให้รูจมูกทั้งสองข้างตึงเท่ากัน
- ช่วยลดโอกาสการเอียงของจมูกได้
- เป็นการเปิดแผลด้านในรูจมูกจึงไม่เห็นแผล
- ลดโอกาสการทะลุหรือปลายบาง
- ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นไม่นาน
- เย็บอินเตอร์โดมยกปลายพุ่งได้
การเสริมจมูก (Interdomal Suture)
เทคนิคการเย็บกระดูกอ่อนที่ปลายจมูก 2 ข้าง เข้าหากันเพื่อให้ปลายจมูกดูเชิดขึ้นและช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกอ่อนปลายจมูกให้เพิ่มขึ้นซึ่งสามารถทำได้ทั้งแบบเทคนิค Open Rhinoplasty แบบ Semi Open และแบบ Close Rhinoplasty โดยการทำอินเตอร์โดมนั้นจะเป็นการแก้ไขโครงสร้าง ยืดผนังกั้นจมูก ทำให้ปลายจมูกเชิดขึ้น เรียวเล็กลงและมีความสมมาตรมากขึ้นอีกด้วย ในการทำอินเตอร์โดมนั้นเหมาะกับคนที่มีการดูกอ่อนที่ปลายจมูก 2 ข้างแยกออกจากกันเห็นเป็นร่องที่จมูกหรือปลายจมูกงุ้มลง หรือคนที่ผิวบางเนื้อปลายจมูกน้อยและโครงกระดูกอ่อนที่มีความแข็งแรงระดับหนึ่ง
ตัดปีกจมูก (Alarplasty)
คือการผ่าตัดตกแต่งบริเวณจมูกส่วนล่างให้ได้สัดส่วนกับใบหน้าและรูปทรงของจมูก ปรับรูปทรงจมูกที่มีปีกจมูกกว้างหรือกางออกให้เล็กลง ลดขนาดของรูจมูกที่กว้างหรือดูใหญ่เกินไปให้ดีขึ้นได้ เป็นการผ่าตัดที่นิยมทำร่วมกับการเสริมจมูกเพื่อทำให้มีรูปทรงของจมูกได้สัดส่วนสวยงาม ในการผ่าตัดลดปีกจมูกนั้นจะป็นการผ่าตัดแก้ไขเฉพาะปีกจมูกส่วนด้านข้าง ซึ่งจะมีแค่กล้ามเนื้อและผิวหนัง ไม่มีกระดูกอ่อน แผลจากการผ่าตัดจะซ่อนอยู่ในบริเวณขอบของปีกจมูก ทำให้แทบจะมองไม่เห็นแผลเลย การผ่าตัดปีกจมูกจะมี 3 แบบ ซึ่งศัลยแพทย์จะประเมินจากรูปทรงของจมูกเป็นหลัก
แผลใน
เหมาะกับคนที่มีรูจมูกกว้าง ปีกจมูกห้อย ศัลยแพทย์จะตัดกรีดจากด้านนอกเข้าด้านใน รอยแผลมีขนาดเล็กมากเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เกิดแผลเป็นได้น้อย และผลลัพธ์ที่ได้รูจมูกดูยกสวยเป็นธรรมชาติ
แผลนอก
เหมาะกับคนทีมีเนื้อปีกจมูกหนา จมูกทรงชมพู่ เป็นเทคนิคที่มีมานานแล้วช่วยลดความกว้างของปีกจมูก ลดขนาดรูจมูก แผลอยู่ด้านนอกยาวตามขอบปีกจมูกมีโอกาสเป็นแผลดึงรั้งได้
แผลในร่วมกับแผลนอก
ในบางกรณีที่มีเนื้อปีกจมูกหนาและมีปัญหารูจมูกกว้างด้วย จะต้องใช้เทคนี้ เนื่องจากจะต้องกรีดแผลด้านในร่วมกับการเย็บเก็บปีกจมูกร่วมด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเข้ากับใบหน้าและรูปทรงของจมูกที่สุด
การตะไบฐานจมูก (Bone Rasping)
คือการใช้ตะไบเหลา ส่วนที่เป็นกระดูกแข็งของบริเวณด้านข้างสันจมูกที่ผิวไม่เรียบสม่ำเสมอให้ผิวเรียบขึ้น เปรียบเสมือนการใช้กระดาษทรายขัดเพื่อให้ผิวเรียบขึ้น ดังนั้นการตะไบฐานจมูกจึงเหมาะสำหรับกระดูกสันจมูกที่มีความนูนเล็กน้อยไม่ใหญ่มาก ดังนั้นเราจะเห็นว่าการตะไบช่วยได้เพียงทำให้ผิวกระดูกดูเรียบขึ้น ลดโอกาสการเท หรือเอียงของซิลิโคน และทำให้การวางซิลิโคนได้อย่างพอดีเรียบเนียนเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นด้วย
การตะไบฮัมพ์
ฮัมพ์คือกระดูกบริเวณสันจมูกที่นูนออกมาคล้ายกับหลังเต่า อาจมีมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งบางคนชอบ บางคนไม่ชอบ เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูดุ ดูไม่หวาน แต่ในการเสริมจมูกแล้ว การตะไบฮัมพ์ค่อนข้างมีความสำคัญ เนื่องจากการตะไบฮัมพ์เป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีก่อนการวางซิลิโคนนั่นเอง เพื่อปรับสันกระดูกที่มีความสูงไม่เท่ากันให้พอดีเป็นระนาบเดียวกันไปกับซิลิโคน เพื่อลดโอกาสซิลิโคนพลิก หรือซิลิโคนเอียง ในการตะไบฮัมพ์นั้นศัลยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าต้องทำหรือไม่เพื่อให้การเสริมจมูกออกมาดูดีที่สุด ซึ่งเทคนิค Close Rhinoplasty ก็สามารถตะไบฮัมพ์ได้เช่นกัน
การตอกฐานจมูก
เป็นการแก้ไขสันจมูกนูนผิดรูปหรือเรียกว่าฮัมพ์ขนาดใหญ่นั้นให้ราบเรียบ สโลปสวยขึ้น หากแกนจมูกกว้างเกินหัวตาทั้งสองข้าง หรือฐานจมูกมีขนาดใหญ่ ก็สามารถตอกฐานจมูกเพื่อลดฐานกระดูกจมูกให้ดูแคบลงในมุมหน้าตรง กระดูกนูนจะถูกตอกออกไปอย่างถาวร จมูกจะไม่กลับมาโก่งอีก ทำให้ได้จมูกที่มีฐานเรียวเล็กและสวยงาม โดยส่วนใหญ่จะเหมาะกับเทคนิค Open Rhinoplasty เพราะจะปรับแก้ได้อย่างตรงจุด
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู (Ear Cartilage)
ในการทำศัลยกรรมจมูกนั้นเป็นลักษณะของการแก้ไขเติมเต็มส่วนที่ขาดหายและปรับปรุงทรงจมูกเพื่อให้สวยงามและเข้ากับใบหน้าให้สวยงามมากยิ่งขึ้น บริเวณปลายจมูกจึงมีความเสี่ยงมาก ยิ่งยืดปลายจมูกให้ยาวมากขึ้นยิ่งเป็นการฝืนเนื้อเยื่อมากยิ่งขึ้น ทำให้บริเวณปลายจมูกนั้นมีความเสี่ยงที่จะบางและมีโอกาสทะลุของซิลิโคนได้ ดังนั้นในกรณีที่เนื้อน้อย หรือปลายจมูกเนื้อบางอยู่แล้ว จะมีเทคนิคในการนำกระดูกอ่อนหลังหูมาคลุมที่บริเวณปลายซิลิโคน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ปลายจมูกมากยิ่งขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงได้ดีและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย โดยส่วนที่นำมาใช้นั้นจะใช้กระดูกอ่อนส่วนที่เว้าของใบหูด้านใน นำมาใช้เป็นโครงสร้างของจมูก ข้อดีก็คือจะได้กระดูกอ่อนที่มีคุณภาพ และรูปทรงใกล้เคียงกับจมูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดูกส่วนปลายจมูก
การเสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อก้นกบ (Dermofat Graft)
เป็นการใช้ไขมันและหนังกำพร้ามาเพิ่มปริมาตรของจมูก เปรียบเสมือนการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อของตนเอง สามารถช่วยยืดจมูกให้ดูยาวขึ้น เพิ่มมิติให้ปลายจมูก ทำให้ปลายจมูกพุ่งขึ้นได้อย่างปลอดภัย ดูเนียนไม่เห็นขอบของเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณปลายจมูก และหากมีปัญหาปลายจมูกบาง เนื้อน้อยสามารถลดความเสี่ยงที่ปลายจมูกจะทะลุได้และปลอดภัยในระยะยาว
เนื้อเยื่อเทียม (Acellular Dermal Matrix)
คือวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นจากธรรมชาติเพื่อให้มีโครงสร้างเนื้อเยื่อเช่นเดียวกับผิวหนังแต่จะไม่มีส่วนประกอบของเซลล์จึงทำให้ไม่เกิดการแพ้หรือการต่อต้านจากร่างกายช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อตามธรรมชาติทางการแพทย์จึงนิยมนำมาใช้ในการรักษาและปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ หรือในทางศัลยกรรมจะนิยมนำมาใช้เสริมจมูก โดยจะมีลักษณะเป็นแผ่นนิ่มๆคล้ายฟองน้ำ สามารถนำมาใช้เสริมรองปลายจมูกเพื่อลดความเสี่ยงในการทะลุ มีโครงสร้างที่แข็งแรงและสามารถรองรับเนื้อเยื่อได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปทรงเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ก่อให้เกิดพังผืดหรือความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณข้างเคียง และให้ผลลัพธ์สวยงามเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่จมูกสั้น หรือมีเนื้อจมูกน้อยที่ต้องการปลายจมูกพุ่ง หรือคนที่มีปัญหาปลายจมูกบางและไม่ต้องการผ่าตัดกระดูกอ่อนหลังหู ทำให้ลดเวลาในการผ่าตัด เจ็บน้อยลงและฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังจากทำศัลยกรรม
เสริมจมูกด้วยซิลิโคน (NOSE SURGERY)
การเสริมจมูกเป็นที่นิยมในกลุ่มคนเอเชียที่มักไม่มีสันจมูกที่โด่งแบบคนยุโรป จึงสามารถทำให้จมูก เป็นสันได้โดยแท่งซิลิโคน ซึ่งการทำควรจะทำให้สมดุลกับใบหน้าและรูปทรงก็ยังควรให้ดูเป็นธรรมชาติแล้วเข้ากับใบหน้าโดยรวม
ซิลิโคน USA
เกรดพรีเมี่ยมปลอดภัยมาตรฐานสากล มีความบริสุทธิ์สูงปลอดภัยได้มาตรฐาน คุณภาพดี (Medical Grade) เป็นซิลิโคนที่มีสีขาว เนื้อนิ่มปานกลาง เนื้อสัมผัสเนียนละเอียดมาก และมีความยืดหยุ่นดี เหมาะกับการเหลาขึ้นรูปและปรับแต่งรูปทรงตามความต้องการได้ดี นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะมีราคาไม่แพงมาก เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อจมูกบริเวณสันจมูกเยอะ ทำให้เมื่อเสริมไปแล้วจะดูโด่ง สวยและเนื้อจมูกที่หนาจะทำให้ไม่เห็นขอบซิลิโคนที่เนียนไปกับผิว ซึ่งถ้ามีเนื้อจมูกมากจะไม่เหมาะหากใช้ซิลิโคนที่นิ่มจนเกินไปอาจเกิดการรัดของผิวจนบิด เอียงได้ในอนาคต ซิลิโคน USA เมื่อเสริมไปนานๆโอกาสในการยุบตัวของซิลิโคนจะค่อนข้างน้อยอีกด้วย
ซิลิโคนเกาหลี
(Korea Silicone) เกรดพรีเมี่ยมปลอดภัยมาตรฐานสากล ซิลิโคนมีความยืดหยุ่นสูง เนื้อละเอียด โดยช่วงโคนและปลายซิลิโคนมีความนิ่มมากๆและมีคุณภาพดี เมื่อเสริมแล้วมีโอกาสทะลุ เบี้ยว เอียงน้อยมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติหลังเสริมจมูก ซึ่งหากเสริมด้วยซิลิโคนเกาหลีจะดูเนียนเป็นธรรมชาติสไตล์เกาหลี และความนิ่มของซิลิโคนประเภทนี้ทำให้สามารถบิดหรืองอจมูกได้ง่ายเหมือนจมูกธรรมชาติจริงๆ โดยซิลิโคนประเภทนี้เหมาะกับคนที่เนื้อจมูกน้อย หรือจมูกเล็ก เพราะจะทำให้เป็นธรรมชาติไม่ดูเป็นสันหรือเป็นแท่งชัดเจน ซิลิโคนเกาหลีนั้นส่วนใหญ่จะเป็นประเภทซิลิโคนสำเร็จรูป ซึ่งศัลยแพทย์จะมีการประเมินทรงตกแต่งทรงของซิลิโคนให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคคลอีกที
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเสริมจมูกในการใช้ซิลิโคน
ทรง Idol Nose
ซิลิโคนสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ผ่านการคิดค้นและออกแบบโดยทีมแพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทางในการเสริมจมูกที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงเพื่อให้ได้จมูกที่เข้ากับรูปหน้าของคนไทยโดยเฉพาะ จมูกทรง Idol Plus จะเน้นความโด่งเป็นพิเศษบริเวณสันจมูก แต่มีความเป็นธรรมชาติสูง ไม่ดูแข็งเป็นแท่ง
ทรง Princess Nose
ให้สันจมูกที่สโลปสวยและยังได้ปลายจมูกที่พุ่งสวยขึ้นด้วย ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับทุกรูปหน้าและรูปทรงจมูกดั้งโด่ง รวมถึงการออกแบบส่วนปลายล็อกพิเศษ ป้องกันปัญหาซิลิโคนเอียง บิดเบี้ยวหรือทะลุ สามารถปรับแต่งความโด่งและปลายได้ตามรูปหน้าของคนไข้ เพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับจมูก ส่งผลให้ใบหน้าดูสวยหวานประดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย
ทรง New Mantis
เป็นซิลิโคนที่คิดขึ้นเพื่อเลียนแบบโครงสร้างจมูก ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าคล้ายกับ ‘แกนตั๊กแตน’ ซึ่งในส่วนนี้คือ.. ซิลิโคนเสริมจมูกสำเร็จรูปที่ถูกคิดค้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญ Rhinoplasty กว่า 20 ปี ดังนั้น ซิลิโคนตัวนี้จึงสามารถเสริมได้กับทุกทรงจมูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าซิลิโคนตัวนี้นั้นถูกออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันปัญหาการเบี้ยว เอียง เนื่องจากได้ออกแบบในส่วนปีกเพื่อครอบฐานจมูกไว้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID เช่น Voltaren, Brufen หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
- ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
- งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- ก่อนการผ่าตัด คนไข้ต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
- เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
การดูแลหลังผ่าตัด
- ประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งประมาณ 7 วัน แรก รอบบริเวณที่ติดเทปจมูก (ห้ามโดนส่วนที่ติดเทปเด็ดขาด)
- หลังทำ 24 ชั่วโมง อาจจะรู้สึกปวดศีรษะ ปวดบริเวณจมูก บวมบริเวณใบหน้าบ้าง ให้รับประทานยาแก้ปวด และต้องรับประทานยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งให้หมด
- จมูกอาจจะบวมมากที่สุดประมาณ 2 – 3 วัน สามารถแกะพลาสเตอร์ที่ปิดแผลไว้ออกได้ แกะออกได้ตอนครบ 7 วัน โดยให้ใช้น้ำอุ่นค่อย ๆ เช็ดและลอกออกอย่างเบามือ
- หลังวันที่ 7 หลังจากแกะพลาสเตอร์แล้ว ให้ประคบอุ่นบริเวณที่บวมช้ำ
- หลังจากทำ 3 วัน – 1 สัปดาห์ สามารถไปทำงานได้แต่ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่ออกกำลังมาก เช่น การวิ่ง , การว่ายน้ำ , การมีเพศสัมพันธ์ ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก , การขยี้จมูก , ก้มหน้านาน ๆ , ยกของหนัก
- โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะยุบบวมประมาณ 60% ใน 1 อาทิตย์ , ยุบ 80% ใน 1 เดือน , ยุบบวมและเข้าที่ 90% – 100% ในอีก 3 – 6 เดือน
หลักการดูข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์
การศัลยกรรมจมูกที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะต้องมีความเชี่ยวชาญและชำนาญการในการ ผ่าตัดได้อย่างหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด ด้านอุปกรณ์จะต้องทันสมัย ครบครันและปลอดภัย ที่สำคัญคือซิลิโคนที่ใช้จะต้องได้มาตรฐานสากล จะทำออกมาปังหรือโป๊ะ ความใส่ใจของแพทย์ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือต้องทำออกมาแล้วเหมาะกับใบหน้าของเราที่สุด มีเทคนิคให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ เช่น ซิลิโคนเกาหลีเกรดพรีเมี่ยม ซิลิโคนอเมริกา เสริมซิลิโคนและกระดูกอ่อนหลังหู เติมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกอ่อนหลังหู ตัดและเย็บปีกจมูก เหลากระดูกฮัมพ์ และ การปรับโครงสร้างจมูก Nose Reconstruction ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะกับการ เสริมดั้ง ของแต่ละคน